No more "Work Hard" it's time to "Work Smart" l Robowealth Work EP.6

No more “Work Hard” it’s time to “Work Smart” l Robowealth Work EP.6

Robowealth Work EP.6 is here to discuss Work Hard, Play Hard. “Work to the fullest and party to the max” appears to be the motto for many of us working nowadays. Many people aspire to become successful, become better at their jobs, and become their employer’s favorite. And when the time comes to relax, they […]

Robowealth Work EP.6 is here to discuss Work Hard, Play Hard.

“Work to the fullest and party to the max” appears to be the motto for many of us working nowadays. Many people aspire to become successful, become better at their jobs, and become their employer’s favorite. And when the time comes to relax, they also enjoy themselves as much as possible, relieving built-up stress through traveling, partying, or other means.

How much work is “Hard Work.”

Many countries put an upper limit on working hours at 48 per week as research has shown that people who work for more than 48 hours per week tend to rely on alcohol for stress relief, putting them at higher risk than people who work less. Other studies also show that those working for over 60 hours per week eat less healthy due to time constraints, essentially forgoing self-care in favor of work. To conclude, workers should limit their work hours to 8 hours and 6 days per week.

#WorkHard VS #WorkSmart

Our society used to praise people who work hard, believing that diligence is the key to success. This remains true to those who can manage their time and their life, but many worked hard to their detriment rather than benefit, affecting health, relationships, and general well-being in life. This sparks the “Work Smart” trend in recent years.

But how to “Work Smart”

Robowealth introduces ways to help you “Work Smart” instead of “Work Hard.” Let’s see what we can do to get started.

1. #hardatwork #butoutsideworkhours #stop

Give it all during work hours.
But outside of those, refocus on the personal life and relax to the fullest. Entertain yourself and spend time with friends and family to regain energy once it’s back to work hours, achieving the perfect work/life balance.

2. #dontbringyourworkbackhome
We all know that sometimes we have to do overtime or bring our work back home to cope with the workload (me too), but if we keep in mind that “We will not bring work home,” then we will feel that our work hours are limited and will plan the work process in such a way that would allow completion within the timeframe. We will start to reorganize, prioritize, and calculate each task’s time consumption, which is a learning process that will help us become more effective workers.

3 #takeabreak

Taking a break once in a while will substantially boost effectiveness in the workplace. If you tire out your brain, forcing more work could reduce the quality of work. Using the 90/20 rule, working 90 minutes and taking 20 minutes break before working for another 90 minutes in a cycle could help increase effectiveness. If anyone has other suitable methods, please share 🙂

4 #donotbe #thehero

Understand your and your co-worker’s capabilities and do not take sole responsibility because you think others cannot perform as well or as quickly. Aside from taking on too much responsibility due to distrust, it also shows that you cannot delegate tasks and are subject to becoming “the hero.”

5 #findshortcuts

One could say that this is the highlight of “Work Smart.” Those who work smart often wonder how to make each task faster, easier, more convenient while maintaining or increase effectiveness, and this process often results in new ways to work. For example, a more straightforward approach might eliminate a time-consuming step that doesn’t add too much value.

This way of thinking helps us constantly find new ways to work, saving time and effort while achieving the same or better result.

Robowealth wants everyone to work happily and with a good balance. If we can be happy, healthy, and have time for friends and family, then it doesn’t matter if we’re working hard or working smart.

If anyone has more ways for us to Work Smart, then please share in the comments.

Read more about work stories at #RobowealthWork.

Robowealth Work EP.6 นี้ ชวนคุยเรื่อง Work Hard, Play Hard
.
ทำงานหนักให้เต็มที่ แล้วปาร์ตี้ให้สุด ดูจะเป็นคติประจำใจของคนวัยทำงานหลาย ๆ คนในยุคนี้ ที่มุ่งมั่นอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตั้งใจทำงานให้เก่ง ทำงานให้หนักจนเจ้านายรัก เมื่อถึงเวลาพักผ่อนก็ระบายความเครียดด้วยการสังสรรค์หรือท่องเที่ยวให้สนุกสุด ๆ ไปเลย
.
.
แค่ไหนถึงเรียกว่า Work Hard ?
.
หลายประเทศกำหนดให้ประชาชนทำงานไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพราะจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่ทำงานหนักเกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีแนวโน้มที่จะปลดปล่อยความเครียดด้วยการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป จนอยู่ในระดับที่อันตรายกว่าคนที่ทำงานไม่หนัก แถมการศึกษายังระบุอีกว่า คนที่ทำงานเกิน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะมีความเร่งรีบในชีวิตค่อนข้างสูง หรือเรียกว่า ทำงานหนักจนลืมดูแลสุขภาพนั่นเอง พูดง่ายๆก็คือ คนเราไม่ควรทำงานหนักเกินวันละ 8 ชั่วโมง และไม่เกิน 6 วันต่อสัปดาห์นั่นเอง
.
.
Work Hard VS Work Smart
.
ก่อนหน้านี้ สังคมมักจะยกย่องและชื่นชมคนที่ทำงานหนัก เพราะมีทัศนคติว่า คนที่ขยันหรือทำงานหนักคือคนเก่ง และเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งบางคนจัดการเวลาและชีวิตได้ก็ดีไป แต่หลายคน Work Hard มากจนส่งผลลัพธ์ที่แย่มากกว่าผลดี หลายคนส่งผลเสียในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านสุขภาพ ไปจนถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมไปถึงความสุขในชีวิตด้วยหลายคนจึงเริ่มเปลี่ยนความคิด จึงเกิดเป็นเทรนด์ Work Smart หรือการทำงานอย่างชาญฉลาดขึ้นมาในยุคหลัง ๆ
.
.
.
แล้วทำยังไงถึงจะเป็น Work Smart ?
.
Robowealth จะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นคนทำงานแบบ Work Smart แทน Work Hard กัน ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่เอาไปใช้ได้บ้าง
.
.
1. เต็มที่ในเวลางาน แต่เมื่อเลิกงานคือลิก !!!
.
เวลางานก็เต็มที่ไปเลย แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็กลับไปใช้เวลาส่วนตัวอย่างเต็มที่เช่นกัน พักผ่อนทำนู่นทำนี่ที่อยากทำ เอนเตอร์เทนตัวเองให้เต็มที่ ให้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง แล้วพอถึงเวลางานอีกครั้งก็กลับมาทำงานอย่างเต็มที่ ถือเป็นการบริหารเวลาในการทำงานกับชีวิตส่วนตัวที่สมดุลที่สุด
.
.
2. พยายามไม่เอางานกลับไปทำที่บ้าน
.
ทางเรารู้ว่าบางครั้งงานก็เยอะจนต้องทำงานล่วงเวลาหรือต้องเอางานกลับไปทำที่บ้านกันบ้าง (แอดก็เช่นกัน) แต่ถ้าเราคิดเอาไว้ก่อนเลยว่า “เราจะไม่เอางานกลับไปทำที่บ้าน” เราจะเริ่มรู้สึกแล้วว่า เวลาทำงานของเรามีจำกัด หลังจากนั้นเราจะเริ่มกระบวนการวางแผนที่จะทำให้เสร็จในเวลางานที่มีให้ได้ เราจะเริ่มจัดสรรเวลา และเริ่มจัดลำดับความสำคัญของแต่ละงาน เริ่มคำนวนเวลาแล้วว่า สิ่งนี้เสียเวลาทำมากแต่ไม่ได้ผลอะไร ก็จะเกิดการเรียนรู้ว่าควรทำต่อมั้ยหรือควรเปลี่ยนเป็นแบบอื่นดี ซึ่งส่วนมากจะตามมาด้วยประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ
.
.
3. หยุดพักบ้าง
.
การหยุดพักสมองบ้าง จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณทำงานหนักจนสมองล้า ต่อให้ฝืนทำต่อไป คุณภาพงานที่ได้ก็อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ลองใช้กฏ 90/20 ซึ่งก็คือทำงาน 90 นาที หยุดพัก 20 นาที แล้วทำงานต่ออีก 90 นาที วนไปเรื่อย ๆ หรือใครมีวิธีไหนดี ๆ แนะนำกันได้เลยนะ
.
.
4. ไม่ทำตัวเป็นเดอะแบก”
.
ยอมรับความสามารถและศักยภาพของทั้งตนเองและผู้อื่น ไม่รับภาระงานไว้คนเดียว เพราะคิดว่าคนอื่นทำได้ไม่ดีเท่าหรือไม่ทันใจ เลยทำเองซะหมด นอกจากจะได้รับภาระงานที่มากเกินไปเพราะไม่ไว้ใจให้ผู้อื่นทำแทน แล้ว ยังหมายถึงการที่เรากระจายงานไม่เป็นอีกด้วย สุดท้ายต้องกลายเป็นเดอะแบกของทีมไปในที่สุด
.
.
5. หาทางลัดบ้าง
.
ข้อนี้ เแทบจะเป็นไฮไลท์ของการ Work Smart เลยก็ว่าได้ โดยคนที่ Work Smart มักจะตั้งคำถามว่า ฉันจะทำมันให้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ได้อย่างไรโดยที่ผลลัพธ์ยังคงเท่าเดิมหรือมากกว่า แล้วก็มักจะเกิดวิธีทำงานที่ง่ายขึ้นในครั้งต่อไป เช่น งานบางอย่างที่ใช้เวลาทำมาก แต่ได้ผลลัพธ์ที่ไม่มาก (ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป) ถ้าเราตัดขั้นตอนนี้ออกไปได้มั้ย งานเร็วขึ้นไหม หรือมีวิธีอื่นอีกมั้ยที่ดีกว่านี้
.
วิธีคิดแบบนี้ ทำให้เราพยายามหาสิ่งที่ดีกว่ามาแทนเสมอ ซึ่งหลายครั้งทำให้เราทำงานน้อยลง ใช้เวลาน้อยลง เหนื่อยน้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม
.
.
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ Robowealth อยากให้ทุกคนทำงานอย่างมี Balance และมีความสุข ถ้าหากเรายังสามารถมีความสุข ดูแลสุขภาพได้ดี และยังแบ่งเวลาให้คนรอบข้างได้ ไม่ว่าจะ Work Hard หรือ Work Smart ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
.
#Robowealth