Robowealth Work EP.3 นี้ ชวนคุยเรื่องเทรนด์ใหม่ ๆ ในการทำงานว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เริ่มจาก Work From Home หรือที่เราย่อกันสั้นๆ ว่า WFH
ก่อนหน้านี้ WFH เป็นเรื่องใหม่ของคนทำงานแบบเรา ๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องปกติของเราไปแล้ว แต่ แต่ แต่ ก่อนที่จะเกิด WFH มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นก่อนมานานแล้ว และจากนี้ต่อไปอาจจะเป็นยุคของการทำงานแบบนี้ไปเลยก็ได้ นั่นก็คือการทำงานแบบ “Digital Nomad”
Digital Nomad คืออะไร
Nomad แปลว่า ชนเผ่าเร่ร่อน คนพเนจร ซึ่งเมื่อนำมารวมกับ Digital กลายเป็นคำว่า “Digital Nomad” ขึ้นมาแล้ว จะใช้เรียกกลุ่มคนที่ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกและจะเปลี่ยนเมืองที่ทำงานไปเรื่อย ๆ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น เช่น จอห์นเป็น Digital Nomad งานที่จอห์นทำสามารถทำผ่าน online ได้ ( เหมือนกับการ WFH ของเราในตอนนี้ ) แล้วจอห์นก็เลือกที่จะไปอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งของโลกสัก 1 เดือน เช่น บาหลี จากนั้นเดือนต่อมาก็ย้ายไปที่เชียงใหม่ ส่วนเดือนต่อไปก็อาจจะย้ายไปสิงคโปร์ แล้วเดือนต่อ ๆ ๆ ๆ มา ก็อาจจะย้ายไปโซล หรือที่ไหนก็ได้บนโลก
โอ้โห ดูเป็นชีวิตในฝันของใครหลายคนใช่มั้ย
แล้วทำไม Digital Nomad ถึงทำอะไรแบบนี้ได้
เนื่องจากอย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า งานของพวกเขาเป็นงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศเป็นหลัก สามารถทำออนไลน์ได้ หรือแม้กระทั่งทำข้ามโลกก็ยังได้ เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์สักเครื่อง สถานที่ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก และ Internet แรง ๆ เท่านั้น
ตัวอย่างในไทยที่เรามักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ เช่น ที่เชียงใหม่จะมี Digital Nomad จากทั่วโลกมาเยอะมาก พวกเขาจะมาอยู่ Hostel หรือโรงแรมยาว ๆ สัก 1 เดือน ( อาจจะเหมือนกับการ Staycation หรือ Work From Hotel ตอนนี้ ) ถึงเวลาก็มาทำงานที่ Co-working Space (เหมือนการ WFH) เวลาทำงานก็แล้วแต่ว่างานของพวกเขาต้องประชุมหรือต้องอ้างอิง Time Zone ของประเทศไหนเป็นหลัก จากนั้นเมื่อเลิกงานก็จะเป็นเวลาของการท่องเที่ยวสำรวจเมืองที่ตนเองไปอยู่ ซึ่งการทำแบบนี้จะไม่เป็นแค่การท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เป็นการใช้ชีวิตไปเลย
คำถามต่อมาคือ ถ้าเราอยากจะเป็นนักทำงานออนไลน์พเนจรบ้าง อะไรเป็นปัจจัยที่จะทำให้เราสามารถกลายเป็น Digital Nomad ได้ ทาง Robowealth ก็ไปรวบรวมมาได้ดังนี้
1. ต้องเป็นงานที่ทำ Online หรือ Remote ได้
ข้อนี้สำคัญที่สุด คือต้องทำงานออนไลน์ได้ ไม่เน้นเข้าออฟฟิศเป็นหลัก หรือ Remote ข้ามโลกก็ยังได้ มีงานจำนวนมากที่บริษัทอยู่อเมริกาหรือประเทศอื่น ๆ แต่จ้างคนทำงานอยู่ไทยหรือประเทศอื่น ๆ โดยที่พนักงานไม่เคยและไม่ต้องเข้าออฟฟิศเลยแม้แต่ครั้งเดียว !!! ซึ่งคนเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอยู่บ้าน สามารถเดินทางไปทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก เจ๋งสุด ๆ
2. งานที่ทำจะต้องได้ค่าตอบแทนมากพอที่จะใช้ไปกับการเช่าโรงแรมหรืออยู่ Hostel ได้ทั้งเดือน และยังมากพอที่จะสามารถใช้เป็นค่าครองชีพสำหรับเมืองนั้น ๆ ได้ ทำให้โดยส่วนมาก Digital Nomad จึงมักจะเป็นชาวต่างชาติที่รับค่าตอบแทนเป็นค่าเงินประเทศของตัวเอง (ซึ่งพอคูณเป็นเงินไทยแล้วเยอะมากกกกก) แต่ไปใช้ชีวิตในประเทศที่ค่าครองชีพที่ไม่แพง
3. ประเทศหรือเมืองฮิตที่ Digital Nomad มักจะไป ส่วนมากจะเป็นเมืองที่ค่าครองชีพที่ไม่แพง แต่ยังคงมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ และมักเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วย เพราะ Digital Nomad ไม่ได้แค่ต้องการมาทำงาน แต่ต้องการมาท่องเที่ยวหรือใช้ชีวิตไปด้วย
4. Internet ต้องแรง เพราะต้องทำงานออนไลน์ คุณภาพของ Internet ประเทศนั้น ๆ ก็ต้องดีพอสมควร ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่คุณภาพ Internet ดีพอที่จะดึงดูด Digital Nomad ทั่วโลกมาได้
จากสิ่งที่ชาว Digital Nomad ต้องการทั้งหมดนี้ ทำให้ประเทศไทยโดยเฉพาะ “เชียงใหม่” ติดอันดับ Top Digital Nomad Hub ของโลกเลยทีเดียว ด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูง สถานที่ท่องเที่ยวเพียบ และ Internet ก็แรงใช้ได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ “นักทำงานพเนจร” จากหลากหลายชาติจะไหลมาทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยเยอะมาก ๆ
ตอนนี้เกิด COVID-19 ประเทศไทยรวมทั้งอีกหลาย ๆ ประเทศยังคงปิดประเทศอยู่ เมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายแล้ว เราคงจะเห็น Digital Nomad กลับมาคึกคักในไทยอีกแน่นอน
อ่านเรื่องเกี่ยวกับการทำงานแบบนี้ได้อีกที่ Robowealth Work